คนงานเวียดนามขี่รถจักรยานยนต์ผ่านโรงงานเหล็กฟอร์โมซา ของไต้หวัน ในจ.ห่าติ๋ง หลังโรงงานแก้ไขรายการการละเมิดข้อตกลงจนผ่านเงื่อนไขของทางการ ในวันที่ 29 พค โรงงานเหล็กอื้อฉาวแห่งนี้ได้เริ่มเดินเครื่องอีกครั้ง หลังระงับไปตั้งแต่เกิดเหตุของเสียปนเปื้อนสารพิษรั่วไหลลงทะเลจนก่อให้เกิดภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศเมื่อปีก่อน. -- Agence France-Presse/Hoang Dinh Nam.
รอยเตอร์/เอเอฟพี - สื่อท้องถิ่นของเวียดนามรายงานว่า โรงงานเหล็กของบริษัทฟอร์โมซา พลาสติก กรุ๊ป ของไต้หวัน เริ่มเดินเครื่องผลิตอีกครั้งวันที่ 29 พค หลังระงับการดำเนินการไปในปีก่อนเนื่องจากก่อภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ
ในเดือน เม.ย.2559 โรงงานเหล็กฟอร์โมซา ห่าติ๋ง มูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์ เกิดทำของเสียปนเปื้อนสารพิษรั่วไหลลงทะเล ก่อมลพิษตามแนวชายฝั่งเป็นระยะทางมากกว่า 200 กิโลเมตร ทำลายสิ่งมีชีวิตในทะเล และเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นที่พึ่งพาการทำประมง และการท่องเที่ยว และบริษัทฟอร์โมซาตกลงจ่ายเงินชดเชยจำนวน 500 ล้านดอลลาร์ในเวลาต่อมา
เตาหลอมของโรงงานเริ่มดำเนินการทดสอบขั้นพื้นฐานในวันนี้ (29) โดยจะถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด และตัวอย่างของเสียจะถูกเก็บรวบรวมทุก 5 นาที ส่วนผลการทดสอบระบบจะสรุปภายใน 24 ชั่วโมง สำนักข่าวเวียดนามรายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อม
“หากมีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้น เราจะหยุดการดำเนินการโดยทันที” ฮว่าง เซือง ตุง รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กล่าว
ฟอร์โมซา ได้แก้ไขการละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงแล้ว 52 รายการ จากทั้งหมด 53 รายการ และบริษัทจะนำการผลิตระบบแห้งมาใช้กับโรงงานภายในปี 2562 แทนระบบเปียกที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าแต่ก่อมลพิษมากกว่าซึ่งโรงงานใช้อยู่ในปัจจุบัน
เหตุการณ์โรงงานเหล็กฟอร์โมซาเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับรัฐบาลเวียดนาม ด้วยรัฐบาลพยายามสมดุลความมั่นคงทางการเมือง การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ที่เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งฟอร์โมซาเป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
เหตุสารพิษรั่วไหลเมื่อปีก่อน และการแก้ไขปัญหาที่ล่าช้า ทำให้ประชาชนไม่พอใจ และชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นในประเทศคอมมิวนิสต์ และประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคกลางยังคงชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้เพิ่มการชดเชย
เมื่อเดือน มี.ค. ฟอร์โมซา กล่าวว่าบริษัทจะเพิ่มการลงทุนราว 350 ล้านดอลลาร์ในโครงการ เพื่อปรับปรุงมาตรการการรักษาความปลอดภัยทางสิ่งแวดล้อม และคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้.
โดย MGR Online