บุรีรัมย์- กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะออกร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ ที่จะมีการจัดเก็บภาษีจากผู้ใช้แหล่งน้ำสาธารณะ น้ำใต้ดิน ชี้หากจัดเก็บควรเป็นกลุ่มเชิงธุรกิจหรือทำเพื่ออุตสาหกรรม ควรยกเว้นเกษตรกรกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ ตำบลบ้านด่าน อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ ที่รวมกลุ่มกันกว่า 30 ครัวเรือน ปลูกพืชผักแบบผสมผสานในที่สาธารณประโยชน์บนเนื้อที่ 34 ไร่หมุนเวียนตลอดทั้งปี โดยใช้น้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาลในการเพาะปลูก เพื่อนำผลผลิตไปบริโภคและส่งขายตลาดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว ไม่เห็นด้วยกับที่ทางรัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ ซึ่งในเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวจะมีการจัดเก็บภาษีจากผู้ที่นำน้ำสาธารณะ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง บึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ
ทั้งนี้ เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับกลุ่มเกษตรกร หากจะมีการจัดเก็บควรจะเป็นกลุ่มที่ประกอบธุรกิจ หรือเพื่ออุตสาหกรรม ควรจะมีการยกเว้นให้กับกลุ่มเกษตรกร เพราะปัจจุบันเกษตรกรก็เสี่ยงทั้งเรื่องภาวะราคาและภัยธรรมชาติอยู่แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลได้มีการทบทวนการออกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับเกษตรกร
นางทองปาน กระจางจิตร์ ประธานกลุ่มผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ กล่าวว่า เดิมชาวบ้านมีอาชีพทำนาเป็นหลัก หลังจากทำนาไม่มีอาชีพอื่นต้องไปทำงานต่างจังหวัด จึงได้มีการรวมกลุ่มกันปลูกพืชผักผสมผสานในที่สาธารณะกว่า 30 ไร่ เพื่อนำผลผลิตไปจำหน่ายเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว ปัจจุบันใช้น้ำใต้ดินในการสูบขึ้นมาหล่อเลี้ยงพืชผัก จะเก็บค่าใช้จ่ายจากสมาชิกเพียงหน่วยละ 1 บาท เพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาระบบน้ำใต้ดิน แต่หากจะมีการออกร่าง พ.ร.บ.จัดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำสาธารณะเพิ่มอีก จะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งก็ต้องรอดูความชัดเจนหลักเกณฑ์เงื่อนไขอีกครั้ง
ด้านนางบังอร อัปปะมะโต หนึ่งในสมาชิกกลุ่มผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ บอกว่า เดิมมีรายได้จากการทำนาเพียงอย่างเดียวทำให้ไม่เพียงพอใช้จ่ายในครอบครัว แต่หลังจากสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มปลูกผักก็ทำให้มีรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลจะออกร่าง พ.ร.บ.เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำสาธารณะนั้นก็ไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับเกษตรกรจึงอยากให้มีการยกเว้นให้กับกลุ่มเกษตรกรด้วย หากจะจัดเก็บควรจะผู้ที่ทำในเชิงธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมมากกว่า
ที่มา mgronline