กาฬสินธุ์ - ชาวนากาฬสินธุ์อ่วมซ้ำอีกปี! นายทุนยังกดราคารับซื้อข้าวเปลือกเพียงตันละ 6,000 บาท ด้านผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ แนะชาวนาตากข้าวให้แห้งก่อนขาย และเข้าโครงการชะลอการขายกับรัฐบาล ระบุผลกระทบน้ำท่วมนาข้าวเสียหายเพียงส่วนน้อย
บรรยากาศการรับซื้อข้าวเปลือกนาปี ตามลานรับซื้อทั่วไปในจังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่าชาวนาเริ่มทยอยนำข้าวเปลือกที่เกี่ยวสดมาจำหน่ายอย่างคึกคัก จากการสอบถามพบว่ายังถูกนายทุนกดราคารับซื้อ โดยข้าวเปลือกเหนียวราคาตันละ 6 พันบาท ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิราคาตันละ 1 หมื่นบาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังถูกหักสิ่งเจือปนและส่วนผสมอีกด้วยทั้งนี้ ชาวนาที่นำข้าวมาขายระบุว่า จากการประเมินว่าราคารับซื้อข้าวเปลือกปีนี้น่าจะสูงขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากพื้นที่ปลูกข้าวหลายอำเภอถูกน้ำท่วมเสียหาย แต่เมื่อนำมาขายจริงราคาก็ไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว เมื่อนำรายได้หักลบกลบหนี้กับต้นทุนทำนา โดยเฉพาะค่าจ้างแรงงานเกี่ยวข้าววันละ 300 บาท และรถเกี่ยวไร่ละ 1 พันบาท รวมทั้งค่ารถไถ ค่าปักดำและปุ๋ยเคมีแล้ว พบว่าขาดทุนซ้ำซาก
ด้านนายธนาพล ธรรมโนขจิต ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกต้นฤดูกาลปีนี้ราคาข้าวเปลือกเหนียว จากเดิมปีที่แล้วราคาสูง 9 บาท/กก. แต่ปีนี้ราคารับซื้ออยู่ที่ 6 บาท/กก. ชาวนาต้องเร่งศึกษาให้ดี เพราะถ้าเร่งรีบขายข้าวตอนนี้เสี่ยงขาดทุนมาก โดยเฉพาะเกี่ยวสดต้องถูกนำมาหักค่าความชื้น การปลอมปนอีก
เกษตรกรควรตากข้าวเปลือก นำเข้าโครงการชะลอเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ฤดูกาลผลิต 60/61 ตามมาตรการของรัฐบาล จะช่วยลดขาดทุนได้ ทั้งค่าเก็บยุ้งฉางตันละ 1,500 บาทต่อตัน ค่าเก็บเกี่ยวละปรับปรุงคุณภาพข้าวไร่ละ 1,200 บาทต่อตันหากเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งระบบจะทำให้ข้ามีราคาสูงขึ้นถึง 11,000 บาทต่อตัน โดยต้องการให้เร่งรัดดำเนินการ และประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงมากที่สุดเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยเกษตรกรได้มาก ส่วนข่าวหอมมะลิปีนี้มีราคาสูงขึ้น จึงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าห่วงมากนัก ขณะที่เกษตรกรนาแปลงใหญ่ที่ทางตลาดกลางฯได้ลงนาม MOU ด้วยนั้น ถือว่ามีอนาคตที่สดใสคุณภาพข้าวดี ผลผลิตดี รัฐได้ส่งเสริมเดินมาถูกทางแล้วสำหรับโครงการนาแปลงใหญ่